ทายดาราไทย ปิดตาแล้ว ทายยากมาก

Penjabaran dari 9apps ทายดาราไทย ปิดตาแล้ว ทายยากมาก

เรามีเกมดีๆ เล่นสนุกๆ ฆ่าเวลามาให้เพื่อนๆ ทายกันเล่นๆ ก็คือเกมปิดตาทายดาราไทยนี่เอง เล่นเกมนี้แล้วเพื่อนๆ อย่าคิดมากกันนะเดี๋ยวไมเกรนจะขึ้นสมอง เกมนี้อาศัยความคุ้นเคยว่า รู้จักดาราคนไหน ไม่รู้ถือว่าไม่ผิด ตอบผิดไม่เป็นไร เล่นบ่อยๆ ก็จะเกิดความจำและความชำนาญ ถ้าเล่นบ่อยๆก็จำได้เอง เลือกให้ถูกแล้วมาแข่งกันกับเพื่อนๆ ว่าได้กี่คะแนน สนุกแน่ๆ แถมได้อารมณ์ขัน แถมได้ความรู้อีกต่างหาก เด็กๆเล่นดีเลย พ่อแม่ก็ก็เล่นได้ มารู้จักกับดาราไทย ผ่านเกมมือถือนี้ ช่วยลูกๆ ตอบคำถาม แล้วจะสนุกหรรษาทั้งครอบครัว อาจยากไปสักนิดนึงสำหรับคนไม่ค่อยดูหนังดูละคร แต่ถ้าดูบ่อยๆก็ต้องจำได้แน่นอน เรามีดาราทั้งแนวหนังดราม่า หนังบู้ล้าผลาญ หนังตลก หนังตะลุง อุ๊ยไม่ใช่ เรามีดารามาให้ทายกันมากมายทั้งผู้หญิง และทั้งผู้ชาย หลังจากนั้นก็มาแข่งกับพวกเพื่อนๆ ว่าทายได้กี่หน้า ตอบผิดอย่าเสียใจ ตั้งใจเริ่มใหม่เดี๋ยวก็ตอบถูกเองหล่ะ ความสนุกอยู่ที่ลุ้นกันว่าจะได้คนละกี่คะแนน
วิธีการเล่น
จะมีรูปดาราขึ้นมา 1 รูป จะถูกปิดตาไว้ เพื่อให้เพื่อนๆทาย ถ้าเป็นผู้หญิงจะปิดตาสีชมพู ถ้าเป็นผู้ชายก็จะปิดตาสีดำ และจะมีตัวเลือกให้ 4 choice ถ้ารูก็ตอบไปได้เลย แต่ถ้าไม่รู้ก็มีตัวเลือกให้ ให้อีก 3 choice ทางด้านล่าง คือ ข้ามไปเลย หรือลดคำตอบเหลื่อ 50:50 แต่อย่าลืมนะว่ามีเวลากำกับ ดังนั้นเมื่อหมดตัวเลือกแล้วก็ต้องต่อเวลา
เรามีข้อมูลดีๆเกี่ยวกับวงการภาพยนต์มาฝาก
วงการภาพยนตร์ไทย เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2470 จากภาพยนตร์เรื่อง โชคสองชั้น และ เติบโตมาเป็นลำดับ ซึ่งความยิ่งใหญ่ของวงการ ภาพยนตร์ไทยในอดีต ถึงแม้จะเป็นความยิ่งใหญ่ในช่วงท้าย ๆ ก่อนจะซบเซาลง โดยเฉพาะในช่วงปี พ.ศ. 2500-2515 ช่วงเวลา 15 ปีเต็มอันเป็นช่วงรุ่งเรืองสูงสุด ของภาพยนตร์ไทย ส่งเสริมให้เกิดดาราผู้ยิ่งใหญ่ ทรงอิทธิพลต่อสังคมและ วงการภาพยนตร์มากมาย อธิ มิตร ชัยบัญชา เพชรา เชาวราษฎร์ สมบัติ เมทะนี อรัญญา นามวงศ์ ทูล หิรัญทรัพย์ สรพงษ์ ชาตรี จารุณี สุขสวัสดิ์ เนาวรัตน์ ยุคตะนันท์ ทรงอิทธิพลได้ในยุคนั้น เพราะ ดารายึดโยงกับประชาชนโดยตรง เมื่อยอดขายตั๋ว ในโรงภาพยนต์ โกหกกันไมได้ คนดูก็สามารถอุ้มชู หรือ ปฏิเสธ ดาราได้โดยตรง ภาพยนต์เรื่องไหนไม่ใช้ดาราของประชาชน เรื่องนั้นมีอันต้องพับเสื่อเจ๊ง ดารา ยุคนั้น จึงทรงอิทธิพล กว่าผู้สร้าง
วงการโทรทัศน์ไทยเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 แพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง 4 ผ่านระบบโทรทัศน์ขาวดำจากวังบางขุนพรหม (ปัจจุบันเป็นโมเดิร์นไนน์ ทีวี) หลังจากเหตุการณ์บ้านเมือง ในปี 2519 โทรทัศน์ไทยหันสู่การพัฒนา แข่งขันทางธุรกิจบันเทิงมากขึ้น ทำให้สื่อ บันเทิงไม่ได้ผูกขาด เป็นหลักกันอยู่แค่ ภาพยนตร์ ไทยอีกต่อไป คนไทยมีทางเลือกที่จะเสพความบันเทิง “ ฟรี “ ที่มีมาให้ถึงบ้าน วงการบันเทิงทีวี ค่อย ถือกำเนิดและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใน ช่วง ปี 2520 จนถึง 2529
ช่วงเวลานั้น ความยิ่งใหญ่ของ ภาพยนตร์ไทย ก็ เริ่มเข้าสู่ยุค ท้าย ๆ แต่กระนั้น ภาพยนตร์ไทย ก็กำลังพัฒนารับใช้สังคมมากขึ้น เข้าสู่ยุค การสะท้อนภาพสังคม (2516 - 2529) ในภาวะที่บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะคับขัน ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องได้แสดงบทบาทของตนในฐานะกระจกสะท้อนปัญหาการเมือง และสังคมอธิ ภาพยนตร์เรื่องเขาชื่อกานต์ เป็นหนังเรื่องแรกที่สร้างขึ้นมาพูดถึงระบบการฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยตรง ภาพยนตร์เรื่อง เทพธิดาโรงแรม ได้มีภาพส่วนหนึ่งเป็นภาพเหตุการณ์จริงในการเดินขบวน เมื่อเข้าฉายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2517 เทวดาเดินดิน เป็นหนังอีกเรื่องที่เรียกได้ว่าสร้างขึ้นมาด้วยเจตจำนงที่จะวิพากษ์วิจารณ์สังคมเมื่อประชาธิปไตยเบ่งบานจนเฟ้อ หลังจากโศกนาฏกรรมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผ่านไป ปี พ.ศ. 2521-2523 หนังไทยสะท้อนสังคมโดยกลุ่มผู้สร้างที่เป็นคลื่นลูกใหม่ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างมากมาย อาทิ ครูบ้านนอก เทพธิดาบาร์ 21 น้ำค้างหยดเดียว เมืองขอทาน ฯลฯ
จนกระทั่ง ถึง ปี 2530 ก็ เข้าสู่ยุคทองของทีวีบันเทิง และ ถึงจุดซบเซาของภาพยนตร์ไทย จนถึงบัจจุบัน ภาพยนตร์ไทย ก็ ยังไม่อาจทวงความยิ่งใหญ่ จากในอดีตคืนมาจากวงการทีวีบันเทิงได้ น่าเสียดาย ความยิ่งใหญ่ของดารา ที่ หมดไปพร้อม ๆกับ ยุคซื้อตั๋วดูในยุคนี้ ดารา โด่งดั่งผ่านจอทีวี ที่คนดูดูฟรี และ มีเอเจนซี่โฆษณา เป็นตัวกลั่นกรอง ภาพความยิ่งใหญ่ แท้จริงของดาราในยุคที่ยึดโยงกับประชาชนโดยตรงหมดไป ผู้จัดละคร เอเจนซี่ ช่อง กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงในวงการบันเทิง ไม่ใช่ประชาชน และ ดาราที่เขาเลือกอีกต่อไป
ชีวิตดาราไทยในปัจจุบันอยู่ได้ด้วยความเมตตาของ ผู้ทรงอิทธิพล ขัดใจประชาชน ก็ ยังพออยู่ได้ แต่ หากขัดใจ ผู้ทรงอิทธิพล จะอยู่ได้กี่วัน เคยได้ยิน สุริยา ชินพันธ์ พูด ว่าผมเป็นดาราที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วก็ ฮา ...